อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง | ||
---|---|---|
หน้าปกอัลบั้ม ความหมายของผู้ชายคนหนึ่ง (2532) | ||
ข้อมูลพื้นฐาน | ||
ชื่อจริง | อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง | |
ชื่อเล่น | กี้ | |
ฉายา | นักร้องเสียงอมฮอลล์ | |
วันเกิด | 8 มกราคม พ.ศ. 2507 | |
แหล่งกำเนิด | อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี | |
แนวเพลง | ป๊อป, ลูกทุ่ง | |
อาชีพ | นักร้อง, นักเคลื่อนไหวทางการเมือง |
ประวัติ
อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง (เดิมชื่อ ศักดา พงษ์เรืองรอง)[1] มีชื่อเล่นว่า กี้เกิดเมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2507 ที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ในครอบครัวศิลปินโดยมีพ่อและแม่เป็นพระเอกและนางเอกลิเกมาก่อน มีน้องชายอยู่ 2 คนคือ สุรเกียรติ พงศ์เรืองรอง และ อาชาครินต์ พงศ์เรืองรอง (ซึ่งได้เป็นนักร้องในสังกัดอาร์.เอส. โปรโมชั่นอยู่ช่วงหนึ่งด้วย จากการสนับสนุนของอริสมันต์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากผลงานคล้ายกับอริสมันต์มาก)
การศึกษาจากโรงเรียน จบการศึกษามัธยมศึกษาโรงเรียนวัดบวรนิเวศปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และปริญญาโทรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อริสมันต์เมื่อเดินทางเข้ากรุงเทพ ฯได้ขายกางเกงยีนส์อยู่หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง เริ่มมีชื่อเสียงมาจากออกอัลบั้มชุดแรกกับบริษัทอาร์.เอส. โปรโมชั่น ด้วยการชักชวนของอิทธิ พลางกูร ในชุด "ความหมายของผู้ชายคนหนึ่ง" ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2532 ก็โด่งดังทันทีจากเพลง ไม่เจียม, เธอลำเอียง เพราะมีรูปแบบการร้องที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนด้วยเสียงที่กลั้วอยู่ในลำคอเหมือนออกเสียงไม่ชัด แต่เป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว ซึ่งถูกเรียกว่าอมลูกอมฮอลล์ในขณะร้องเพลง จนได้รับฉายาว่า นักร้องเสียงอมฮอลล์ ประกอบกับเนื้อหาของเพลงที่ใช้ภาษาที่แปลกออกไปจากเพลงทั่วไป แต่มีความหมายเฉพาะตัวและสร้างความรู้สึกโรแมนติกได้อย่างประหลาด ซึ่งเจ้าตัวจะเป็นผู้เขียนเนื้อเพลงเอง
จากนั้นอริสมันต์ก็ได้ออกอัลบั้มตามมาอีกหลายชุด เช่น "เจตนายังเหมือนเดิม", "ฝันมีชีวิต", "เวทีนี้ไม่มีพี่เลี้ยง" เป็นต้น ซึ่งประสบความสำเร็จทุกชุดและมีหลายบทเพลงที่เป็นที่รู้จักของแฟนเพลงตราบจนปัจจุบัน เช่น ยอมยกธง, ทัดทาน, ใจไม่ด้านพอ, เวทีนี้ไม่มีพี่เลี้ยง, คนข้างหลัง, รักเธอเสมอใจ เป็นต้น ซึ่งทุกชุดมีอิทธิ พลางกูร เป็นโปรดิวเซอร์ และเนื้อเพลงทั้งหมดอริสมันต์จะเป็นผู้เขียนเอง
และในกลางปี พ.ศ. 2536 ได้แสดงละครโทรทัศน์ทางช่อง 9 ในสังกัดอาร์.เอส. โปรโมชั่น ออกอากาศในวันเสาร์-อาทิตย์ช่วงบ่าย โดยอริสมันต์เล่นเป็นตัวเอกในเรื่อง ซึ่งเป็นละครเรื่องแรกและเรื่องเดียวของอริสมันต์ตราบจนทุกวันนี้
หนังสือบทกวี
หลังจากอัลบั้มเพลงของอริสมันต์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทำให้อริสมันต์ได้ออกหนังสือวรรณกรรมรวมกวีในชื่อว่าวันนี้สำคัญ...เพราะเมื่อวานดี ซึ่งออกจำหน่ายในปี พ.ศ. 2532 โดยหนังสือเล่มนี้อ้างว่าตนเป็นผู้เขียนกวีนี้ทั้งหมด แต่ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าบทกวีบางส่วนเป็นของนักเขียนคนอื่น ๆ ไม่ใช่ของอริสมันต์แต่อย่างใด
หวนคืนสู่วงการบันเทิง
หลังจากปี พ.ศ. 2540 ไปแล้ว ชื่อเสียงและความนิยมของอริสมันต์เริ่มสร่างซาลง และเจ้าตัวก็หันไปมีบทบาททางการเมืองอย่างเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ. 2542 อริสมันต์ได้ออกอัลบั้มเพลงลูกทุ่งขึ้นมาหนึ่งชุด ในชื่อชุดว่า "กังวานทุ่ง" และในวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2547 ก็ได้จัดคอนเสิร์ตของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง ชื่อ "เวทีนี้ยังมีพี่เลี้ยง" ที่อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก และล่าสุดอริสมันต์ได้ทำอัลบั้มชุดใหม่ที่มีชื่อว่า รักในโฟนอิน ซึ่งอัลบั้มเพลงนี้ไม่ได้อยู่ในสังกัดอาร์เอสและเพลงในอัลบั้มชุดนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับทางการเมืองโดยอัลบั้มชุดนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหา รายได้สนับสนุนการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย การเยียวยาผู้ชุมนุมที่ได้รับผลกระทบ จากการผลักดันการชุมนุมในเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศไทย เมษายน พ.ศ. 2552 [2]
งานการเมือง
ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 อริสมันต์เป็นหนึ่งในผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมในเหตุการณ์ ถึงขั้นที่ขึ้นไปปราศรัยและร้องเพลงสนับสนุนผู้ชุมนุม ซึ่งได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์ทางสังคมบางส่วนว่า ทำไปเพราะอยากดัง หรือเพื่อโปรโมตอัลบั้ม ทั้งที่แท้จริงแล้วการกระทำดังกล่าวไม่เอื้อประโยชน์ต่อการขายเทปมากนัก และหลังจากนั้นเพียงหนึ่งเดือน อัลบั้มชุดที่ 4 "สงสัยใจสะเทิ้น" ก็ออกมา แต่เจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่ใช่และยืนยันว่าชอบการเมืองมานานแล้ว
ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ได้ลงเลือกตั้งเป็นครั้งแรกโดยสังกัดพรรคพลังธรรม ในพื้นที่กรุงเทพ ฯ เขตบางกอกน้อย แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง อริสมันต์ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งครั้งต่อมาคือในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 โดยสังกัดอยู่ในพรรคเดิมและพื้นที่เดิม จากนั้นในปี พ.ศ. 2541 สมาชิกพรรคพลังธรรมหลายคนได้ย้ายไปสังกัดพรรคไทยรักไทย อริสมันต์ก็เป็นคนหนึ่งในจำนวนสมาชิกที่ย้ายไปด้วย และในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2548 อริสมันต์ก็ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคไทยรักไทยในแบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 56 ของพรรค และมีบทบาทเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (นายประชา มาลีนนท์) และในวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2549 อริสมันต์ได้แต่งและร้องเพลงพิเศษที่มีชื่อว่า คนของแผ่นดิน ที่มีเนื้อหาสนับสนุน พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร
ในคืนวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2550 อริสมันต์ได้ร่วมกับกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลุ่มพีทีวี และ อดีต ส.ส.ไทยรักไทย ที่รวมตัวยกันในนาม แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ที่ท้องสนามหลวง เคลื่อนย้ายขบวนฝ่าแนวป้องกันของตำรวจไปยังหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนิน เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น อีกทั้งในคืนวันที่ 18 มิถุนายนก็ได้ขึ้นรถปราศรัยโดยด่าว่าทหาร และตำรวจที่รักษาความสงบอยู่ด้วย
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2550 อริสมันต์ลงสมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานคร ในเขต 12 (บางพลัด บางกอกน้อย ตลิ่งชัน ทวีวัฒนา) สังกัดพรรคพลังประชาชน แต่ไม่ได้รับเลือก และได้เข้าร่วมกับแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ โดยได้ปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและประธานองคมนตรี
ในเหตุการณ์ก่อความไม่สงบของกลุ่ม นปช. เมษายน พ.ศ. 2552 อริสมันต์เป็นแกนนำผู้ชุมนุมที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรีโดยนำผู้ชุมนุมทั้งจากจังหวัดใกล้เคียงและที่สมทบจากกรุงเทพฯ เพื่อปิดล้อมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับคู่เจรจา โดยเมื่อวันที่ 10 เมษายน ได้เข้าปิดล้อมหน้าโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา เพื่อเข้ายื่นหนังสือกับตัวแทนอาเซียน และในวันต่อมาได้กลับมาชุมนุมหน้าโรงแรมอีกครั้ง เพื่อกดดันรัฐบาลให้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ปะทะกับกลุ่มคนสวมเสื้อสีน้ำเงินในช่วงเช้า และนำกำลังหลายร้อยคน บุกเข้าในสถานที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ทำให้ความปลอดภัยของผู้นำมิตรประเทศมีความเสี่ยงสูงมาก จนกระทั่งประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพจัดการประชุมจำเป็นต้องขอเลื่อนการประชุมออกไปกลางคันโดยไม่มีกำหนด ส่งผลให้ผู้นำประเทศต่างๆต้องอพยพออกจากสถานที่ประชุม และบินกลับประเทศตนเองโดยปลอดภัยทุกท่าน หลังจากนั้นอริสมันต์ได้ถูกตำรวจจับกุมตัวที่บ้านพักในเขตตลิ่งชันขณะพยายามปีนหน้าต่างหลบหนี และถูกควบคุมด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปยังจังหวัดราชบุรี แต่ต่อมาศาลอนุมัติให้ประกันตัวไปด้วยวงเงิน 5 แสนบาท **และเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2553 พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขออนุมัติหมายจับ นาย อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ในข้อหา กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่ก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ซึ่งศาลพิจารณาแล้วได้อนุมัติหมายจับ นาย อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว..[3]
ผลงาน
อัลบั้ม
อัลบั้มเดี่ยว
- ความหมายของผู้ชายคนหนึ่ง (มี.ค. 2532)
- ความหมายที่ 2 เจตนายังเหมือนเดิม (ม.ค. 2533)
- ความหมายพิเศษ ฝันมีชีวิต (มิ.ย. 2533) (อัลบั้มพิเศษ)
- ความหมายที่ 3 เวทีนี้ไม่มีพี่เลี้ยง (พ.ศ. 2534)
- ความหมายพิเศษ ผู้ชายฟ้าครามและความรัก (พ.ศ. 2534) (อัลบั้มรวมฮิต)
- ความหมายที่ 4 สงสัยใจสะเทิ้น (มิ.ย. 2535)
- ความหมายพิเศษ ก่อกองทราย (พ.ศ. 2535) (อัลบั้มรวมฮิต)
- รักเธอเสมอใจ (พ.ศ. 2536)
- รางวัลแห่งรัก (พ.ศ. 2537) (อัลบั้มพิเศษ)
- รักเธอไม่รู้จบ (พ.ศ. 2538)
- รักเธอตลอดเวลา (พ.ศ. 2540)
- สัญญาจากหัวใจ (พ.ศ. 2541)
- กังวานทุ่ง (พ.ศ. 2542) (อัลบั้มลูกทุ่ง)
- รักในโฟนอิน (พ.ศ. 2552)
อัลบั้มรวม
คอนเสิร์ตครั้งสำคัญ
- เข้าข่ายใจสะเทิ้น 8 สิงหาคม พ.ศ. 2535 เอ็มบีเค ฮอลล์ มาบุญครองเซนเตอร์
- อริสมันต์กับคอนเสิร์ตไม่หนักหัวใจ พ.ศ. 2536 เอ็มบีเค ฮอลล์ มาบุญครองเซนเตอร์
- เวทีนี้ยังมีพี่เลี้ยง 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2547 อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก (แต่คอนเสิร์ตได้แสดงไปก่อนหนึ่งวัน คือในวันที่ 23 กรกฎาคม)
ละครโทรทัศน์
นายอริสมันต์ ลงสมัคร ส.ส. ครั้งแรก ในปี 2538 ในเขต 10 กรุงเทพมหานคร ในนามพรรคพลังธรรม โดยได้รับเลือกตั้งเป็นลำดับที่ 2 และเป็น ส.ส. เพียงคนเดียวของพรรคพลังธรรมในเขตนี้ ในปี 2539 นายอริสมันต์ลงสมัครอีกครั้ง แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง ได้คะแนนมาเป็นลำดับที่ 7
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น